แม้จะไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากนักเหมือนเมืองท่องเที่ยวชั้นนำของญี่ปุ่น แต่เมืองคุมาโมโตะ (Kumamoto) ก็ถือได้ว่าเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เมืองคุมาโมโตะตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางของเกาะคิวชูโดยมีฐานะเป็นเมืองเอกในจังหวัดคุมาโมโตะ สำหรับจุดเด่นของเมืองก็คือปราสาทใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์และมีอุทยานแห่งชาติสำคัญจนพลาดไม่ได้ที่จะไปเยือน
ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)
ปราสาทเก่าแก่อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ปราสาทคุมาโมโตะประกอบด้วยป้อมปราการ 49 หลัง เส้นทางเข้าถึงตัวปราสาทสลับซับซ้อนตามแบบฉบับปราสาทสำคัญในญี่ปุ่น ด้านในปราสาทถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ สำหรับตัวปราสาทที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 1960 หลังจากได้รับความเสียหายในช่วงสงครามโดยยังคงรักษารูปแบบเดิมของปราสาทเอาไว้ ปราสาทคุมาโมโตะ
สวนซุยเซนจิ (Suizenji Garden)
สวนสวยสไตล์ญี่ปุ่นที่สร้างมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 7 โดยตระกูลโฮโซคาวะ สวนซุยเซ็นจิกินอาณาบริเวณกว้างขวาง ภายในสวนมีทั้งศาลเจ้าอิซูมิที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษตระกูลโฮโซคาวะ ภูเขาขนาดย่อมจำลองแบบมาจากภูเขาไฟฟูจิ โรงน้ำชาและทะเลสาบที่มีฝูงปลาคาร์พแหวกว่ายไปมาอย่างอิสระ แม้สวนแห่งนี้จะไม่ติด 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นแต่ความสวยของสวนแห่งนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
อุทยานแห่งชาติภูเขาไฟอาโสะคุจู (Aso-Kuju National Park)
อุทยานแห่งชาติตั้งอยู่ใจกลางเกาะคิวชูบริเวณคาบเกี่ยวระหว่างคุมาโมโตะกับโออิตะ ปากปล่องภูเขาไฟอาโสะเป็นปากปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยปล่องภูเขาไฟสำคัญ 5 แห่ง บางแห่งยังไม่ดับสนิทและยังส่งควันสีขาวพวยพุ่งออกมาให้ได้เห็นอยู่ตลอดเวลาซึ่งจะระเบิดทุกๆ 2-3 ปี ผลจากแผ่นดินไหวบนเกาะคิวชูเมื่อกลางเดือนเมษายน 2016 ทำให้ภูเขาไฟอาโสะปะทุและพ่นขี้เข้าขึ้นมาเหนือท้องฟ้าราว 100 เมตร
ศาลเจ้าคามิชิคิมิ คุมาโนะอิมาสุ (Kami-shikimi Kumano-imasu Shrine)
ศาลเจ้าเก่าแก่ตั้งอยู่ในป่าลึกที่สามารถเรียกกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ได้อย่างถล่มทลายจนถูกกล่าวถึงไปทั่ว ศาลเจ้าคามิชิคิมิคุมาโนะอิมาสุตั้งอยู่ในเขตอาโสะ ตัวศาลเจ้าและบริเวณโดยรอบจะถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวของมอส เมื่อรวมเข้ากับบรรยากาศที่ดูลึกลับทำให้กลายเป็นภาพที่ดูงดงามและเต็มไปด้วยมนขลังราวกับได้ทะลุข้ามไปยังโลกต่างมิติเหมือนบรรยากาศที่เห็นได้จากอนิเมะแนวลึกลับสยองขวัญ