ในวรรณกรรมจีนเรื่องซ้องกั๋งมีการกล่าวถึงกลุ่มคนที่ถูกรังแกจนต้องหนีไปตั้งกองกำลังอยู่บนเขาเหลียงซาน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีสตรีหนึ่งนามว่า "หลี่ซือซือ" (Li Shishi: 李师师) สตรีผู้ถูกยกให้เป็น 1 ใน 4 คณิกาที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีนซึ่งเรื่องราวของนางนับว่าน่าในใจไม่น้อยเลยทีเดียว


หลี่ซือซือ (Li Shishi: 李师师)

หลี่ซือซือมีชีวิตอยู่ในช่วงปลายสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (1090-1129) สกุลเดิมของนางคือ "หวัง" แต่เปลี่ยนมาเป็นสกุล "หลี่" เพราะนางถูกนางคณิกาสกุล "หลี่" รับมาเลี้ยงหลังจากบิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก นางจึงเริ่มเรียนรู้วิถีของการเป็นคณิกานับแต่นั้นมา

หลี่ซือซือมีพรสวรรค์ของการเป็นคณิกา นางมีจริตจกร้านและรู้จักการเอาอกเอาใจ ประกอบกับรูปโฉมที่งามหยดย้อยทำให้ชื่อเสียงของนางเป็นที่เลื่องลือไปไกล กระทั่งฮ่องเต้ "ซ่งฮุยจง" ที่ประทับในวังหลวงยังหลงใหลจนต้องแอบปลอมตัวออกจากวังเพื่อมาหานางโดยมีขุนนางกังฉินอย่าง "เกาฉิว" คอยสนับสนุน

เรื่องราวของหลี่ซือซือที่ทำให้คนรู้จักนางมากยิ่งขึ้นคือบทบาทของนางจากวรรณกรรมจีนเรื่องซ้องกั๋ง ในช่วงที่ซ่งเจียงซึ่งเป็นผู้นำแห่งเขาเหลียงซานตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อราชสำนัก เมื่อรู้ว่าฮ่องเต้มักแอบออกจากวังมายังหอคณิกาแห่งนี้พวกเขาจึงมาแฝงตัวเพื่อรอโอกาสเข้าเฝ้าและบอกถึงเจตนารมณ์

แม้หลี่ซือซือจะเป็นเพียงคณิกาแต่นางก็เกลียดขุนนางกังฉิน เมื่อรู้ว่าผู้ที่มานั้นมีจุดประสงค์ใดนางจึงตัดสินใจช่วยเหลือและหว่านล้อมให้ฮ่องเต้พระราชทางอภัยโทษนักโทษแห่งเขาเหลียงซาน แต่จุดที่น่าจะเป็นดราม่านั้นน่าจะอยู่ที่การพบกันของหลี่ซือซือกับ "เอียนชิง" ผู้เป็นหนึ่งในแกนนำแห่งเขาเหลียงซาน

เอียนชิงนั้นเป็นชายหนุ่มผู้มีความสามารถด้านดนตรีไม่น้อย เมื่อหลี่ซือซือได้พบจึงถูกใจและพยายามใช้เสน่ห์ดึงดูดแต่ไม่เป็นผล เอียนชิงรับรู้ถึงสิ่งที่หลี่ซือซือต้องการเขาจึงรีบตัดบทด้วยการขอเป็นน้องชาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจึงกลายเป็นแบบพี่สาวและน้องชายนับแต่นั้นมา

สำหรับช่วงเวลาสุดท้ายของหลี่ซือซือนั้นยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นเช่นไร บ้างว่าหลังจากราชวงศ์ซ่งเหนือล่มสลายนางก็มีชีวิตตกยากน่าเวทนา ในเรื่องซ้องกั๋งก็กล่าวถึงนางเอาไว้ว่าหลังจากการล่มสลายของเขาเหลียงซาน หลี่ซือซือและเอียนชิงได้ปลีกวิเวกไปใช้ชีวิตด้วยกันตามประสาพี่น้อง