ว่านเจินเอ๋อร์ (Wan Zhen'er: Consort Wan: 万贞儿) สตรีในยุคราชวงศ์หมิง แม้นางจะไม่ได้มีความงามหรือชาติตระกูลสูงส่งแต่ในยุคสมัยหนึ่งนางเคยเป็นผู้ที่มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดในราชสำนัก ว่านเจินเอ๋อเกิดเมื่อปี 1428 นางตามบิดาเข้าวังด้วยวัยเพียง 4 ปี โดยทำหน้าที่นางกำนัลอยู่ในซอกหลืบเล็กๆของวังหลัง แต่โชคชะตาของว่านเจินเอ๋อมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อนางได้รับหน้าที่ดูแลองค์ชาย ‘จูเจี้ยนเซิน’ (Zhu Jianshen) พระโอรสในจักรพรรดิเจิ้งถงซึ่งในขณะนั้นจักรพรรดิเจิ้งถงถูกจับเป็นเชลยมองโกล ราชสำนักเกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจทำให้จูเจี้ยนเซินเป็นเพียงองค์ชายตกอับและถูกทอดทิ้ง


ว่านเจินเอ๋อ สนมว่านกุ้ยเฟย
ภาพ: รัชศกเฉิงฮว่าปีที่สิบสี่

ว่านเจินเอ๋อมีอายุมากกว่าองค์ชายจูเจี้ยนเซิน 17 ปี นางดูแลองค์ชายจูเจี้ยนเซินอย่างดีไม่เคยห่างและกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่องค์ชายจะขาดไม่ได้ แต่เมื่อองค์ชายจูเจี้ยนเซินเติบโตเป็นหนุ่มก็เริ่มมองว่านเจินเอ๋อในฐานะสตรีนางหนึ่ง ความรู้สึกผูกพันต่อว่านเจินเอ๋อในฐานะมารดาหรือพี่สาวก็เปลี่ยนเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แม้ว่าทั้งสองจะมีอายุที่ห่างกันอยู่หลายปี

เมื่อราชสำนักหมิงเกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจอีกครั้งหลังองค์จักรพรรดิเจิ้งถงกลับมาครองบัลลังก์ องค์ชายจูเจี้ยนเซินถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทและขึ้นครองบัลลังก์เป็น ‘จักรพรรดิเฉิงฮว่า’ (Chenghua Emperor) หรือ ‘หมิงเสียนจง’ (Ming Xianzong) ในปี 1464 ด้วยพระชนมายุ 17 พรรษา เมื่อขึ้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดสิ่งที่จักรพรรดิเฉิงฮว่าปรารถนามากที่สุดก็คือการแต่งตั้งว่านเจินเอ๋อเป็นพระมเหสี แต่ความปรารถนานั้นถูกเหล่าขุนนางคัดค้านเพราะว่านเจินเอ๋อเป็นเพียงนางกำนัลต่ำต้อยไร้ชาติตระกูลและยังมีอายุมากกว่าจักรพรรดิเฉิงฮว่า

แม้จักรพรรดิเฉิงฮว่าจะมีสนมหลายคนแต่สตรีที่พระองค์โปรดปราณมากที่สุดก็ยังคงเป็นว่านเจินเอ๋อมิมีเปลี่ยน และแล้วความปรารถนาของจักรพรรดิเฉิงฮว่าก็สมหวังเมื่อว่านเจินเอ๋อให้กำเนิดองค์ชาย จักรพรรดิเฉิงฮว่าจึงใช้โอกาสนี้แต่งตั้งว่านเจินเอ๋อขึ้นเป็นสนมว่านกุ้ยเฟย (Wan Guifei)

การที่สนมว่านดูแลจักรพรรดิเฉิงฮว่ามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์จึงรู้จักตื้นลึกหนาบางพระองค์เป็นอย่างดี นางแทบจะควบคุมจักรพรรดิเฉิงฮว่าได้ในทุกด้านและเริ่มกุมอำนาจทุกอย่างในวังหลังแบบเบ็ดเสร็จจนทำให้สนมว่านกลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลตัวจริง การที่จักรพรรดิเฉิงฮว่าไม่กล้าทำอะไรขัดใจนางส่งผลให้ราชสำนักเกิดความระส่ำระสาย แต่กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจของสนมว่าน

โชคร้ายของสนมว่านมาเยือนเมื่อองค์ชายเกิดมาได้เพียง 10 เดือนก็จากไป ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้สนมว่านกลายเป็นสตรีที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย นางจะหาทางกำจัดสนมที่มีวี่แววว่าจะให้กำเนิดหน่อเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิเฉิงฮว่าจนพ้นทาง แม้แต่องค์ชายที่ถูกตั้งเป็นรัชทายาทแล้วก็ยังไม่เว้นถูกนางกำจัดทิ้งโดยที่ไม่มีใครหาญกล้าเอ่ยถึงนางซึ่งเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

กาลเวลาล่วงเลยไปหลายปีจักรพรรดิเฉิงฮว่ารู้สึกเสียพระทัยที่ยังไร้ทายาทสืบบัลลังก์จึงเอ่ยเรื่องนี้กับขันที ‘จางหมิ่น’ (Zhang Min) ซึ่งเป็นขันทีที่เคยรับมอบหมายจากสนมว่านในการกำจัดหน่อเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิเฉิงฮว่า ด้านขันทีจางหมิ่นตัดสินใจเสี่ยงชีวิตทูลต่อจักรพรรดิเฉิงฮว่าว่าพระองค์มีโอรสที่เกิดจากอดีตนางกำนัล จักรพรรดิเฉิงฮว่าจึงให้นำตัวโอรสเข้าวังตั้งพระนามว่า ‘จูโย่วเฉิง’ (Zhu Youcheng) และตั้งเป็นรัชทายาท แต่ผลพวงจากการเปิดเผยเรื่องราวขององค์ชายจูโย่วเฉิงทำให้ไม่กี่วันต่อมามีการพบขันทีจางหมิ่นในสภาพร่างไร้วิญญาณ

ในปี 1487 สนมว่านล้มป่วยลงและถึงแก่อสัญกรรมด้วยอาการตับวายเฉียบพลัน แม้ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นสนมว่านจะเต็มไปด้วยความโหดร้าย แต่สำหรับจักรพรรดิเฉิงฮว่าแล้วนางคงไม่ต่างไปจากผู้หญิงคนหนึ่งที่พระองค์รักและอยากปกป้อง การจากไปของสนมว่านจึงสร้างความทะเทือนใจอยู่ไม่น้อยโดยหลังจากนั้นไม่นานจักรพรรดิเฉิงฮว่าก็สวรรคตในวันที่ 9 กันยายน ปีเดียวกันนั้นเอง