ภาพ: จอมนางชิงบัลลังก์ |
เมื่ออายุถึงเกณฑ์ที่ทางราชสำนักกำหนดโต้วอี้ฝางต้องถูกเกณฑ์เข้าสู่รั้ววังหลวงไปเป็นนางสนองพระโอษฐ์ในรัชสมัยองค์จักรพรรดิฮั่นฮุ่ย ต่อมาจักรพรรดินีฮั่นเกา (พระราชมารดาจักรพรรดิฮั่นฮุ่ย) ผู้กุมอำนาจในราชสำนักต้องการพระราชทานนางสนองพระโอษฐ์แก่เหล่าองค์ชายเชื้อพระวงศ์โต้วอี้ฝางจึงถูกส่งตัวไปยังต่างบ้านต่างเมืองอีกครั้ง
โต้วอี้ฝางถูกส่งตัวไปยังแคว้นไต้อันเป็นถิ่นฐานขององค์ชายหลิวเหิง (โอรสองค์ที่ 5 ในจักรพรรดิฮั่นเกาจู่) ด้วยความเฉลียวฉลาดโต้วอี้ฝางจึงกลายเป็นที่โปรดปราณขององค์ชายหลิวเหิงยิ่งนักและได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาโดยนางได้ใช้สติปัญญาที่มีช่วยเหลือพระสวามีจนได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิฮั่นเหวินตี้
พระชายาโต้วได้รับการสถาปนายศเป็นจักรพรรดินีโต้ว แม้จะได้ก้าวขึ้นมาบนจุดสูงสุดแล้วแต่บ้านเมืองก็ยังไม่สงบนักโดยเฉพาะจากน้ำมือเชื้อพระวงศ์เก่า พระชายาโต้วจึงคอยสนับสนุนฮั่นเหวินตี้ในการกวาดล้างสกุลหลี่ซึ่งเป็นเชื้อสายของอดีตจักรพรรดินีฮั่นเกาจนหมดสิ้นและบริหารบ้านเมืองอยู่เบื้องหลัง
ภายหลังจักรพรรดิฮั่นเหวินตี้สวรรคตลงจักรพรรดินีโต้วได้ให้องค์ชายหลิวฉี (โอรสองค์โต) ขึ้นครองราชย์โดยทรงพระนามว่าจักรพรรดิฮั่นจิงตี้พร้อมกับสถาปนาจักรพรรดินีโต้วเป็นพระพันปีโต้ว แต่จักรพรรดิฮั่นจิงตี้ครองราชย์ได้เพียง 16 ปีก็สวรรคต พระพันปีโต้วจึงให้หลิวเช่อ (พระราชนัดดา) ขึ้นครองราชย์พระนามว่าจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้
พระพันปีโต้วได้รับการสถาปนายศอีกครั้งเป็นพระพันปีหลวงโต้ว โดยตลอดช่วงเวลานับตั้งแต่ที่พระนางกลับเข้าสู่วังหลวงในฐานะจักรพรรดินีอำนาจของพระนางนั้นมีมากไม่ต่างจากองค์จักรพรรดิ ในบางช่วงพระนางได้ใช้อำนาจที่มีควบคุมทุกอย่างในราชสำนักจนหมดสิ้นเหนือกว่าจักรพรรดิเสียอีกซึ่งนั่นก็เพื่อความมั่นคง
ในช่วงที่พระวรกายชราลงไปทุกทีแต่พระนางก็ยังคงไม่วางมือจากการบริหารบ้านเมืองเสียทีเดียว แม้พระเนตรทั้งสองข้างจะมืดสนิทไปนานหลายปีแล้วแต่กลับไม่ได้ทำให้สติปัญญาและไหวพริบอันเฉียบแหลมลดลง กระทั่ง 135 ปีก่อนคริสต์ศักราชพระนางก็ถึงแก่สวรรคตด้วยพระชนมายุ 70 พรรษา ในรัชสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้