นับตั้งแต่ฉินชีฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ แผ่นดินจีนมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนจักรพรรดิขึ้นมาปกครองในหลายราชวงศ์ กระทั่งมาสิ้นสุดลงที่ "จักรพรรดิปูยี" (Puyi Emperor: 溥仪) แห่งราชวงศ์ชิงซึ่งถือเป็นการปิดฉากการปกครองในระบอบจักรพรรดิอันยาวนานของจีน
สำหรับจักรพรรดิปูยี (สำเนียงจีนว่า "ผู่อี๋" แต่ขอใช้คำที่คุ้นหูว่า "ปูยี") นับเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของแผ่นดินจีน มีการหยิบยกเรื่องราวของพระองค์มาถ่ายทอดออกให้ได้รับรู้ทั้งในฉบับซีรีส์และภาพยนตร์ เช่น "The Last Emperor ปูยี จักรพรรดิโลกไม่ลืม"
องค์ชายปูยีมีพระนามเต็มว่า "อ้ายซินเจี๋ยหลัวผู่อี๋" (Aisin-Gioro Puyi: 爱新觉罗 溥仪) พระราชสมภพเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 1906 โดยเป็นโอรสในองค์ชายไจ้เฟิงและกัวเอ่อร์เจียโย่วหลัน แม้ปูยีจะมีวัยเด็กที่ไม่ต่างจากองค์ชายทั่วไปแต่มันกลับเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นยิ่งนักจนเด็กไร้เดียงสาอย่างพระองค์ยากที่จะปรับตัวได้
ก้าวสู่บัลลังก์
ภายหลังจักรพรรดิกวางซวีเสด็จสวรรคตด้วยความตรอมใจ องค์ชายน้อยปูยีในวัย 2 ปี 10 เดือน ถูกพระนางซูสีไทเฮาเลือกให้มานั่งบัลลังก์ในฐานะจักรพรรดิหุ่นเชิดแทนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1908 พระปรมาภิไธยว่า "สมเด็จพระจักรพรรดิเซวียนถ่ง" (Xuantong Emperor: 宣統) โดยแต่งตั้งให้พระราชบิดาเป็นผู้สำเร็จราชการ (บางข้อมูลกล่าวว่าปูยีสืบทอดบัลลังก์ตามในฐานะผู้มีสิทธิ์ ไม่ใช่การเลือกของพระนางซูสีไทเฮา)
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดิของปูยีนับว่าน่าสงสารจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยที่ยังไม่ประสีประสา ประกอบกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้นที่เข้าสู่ยุคเสื่อมถอยถึงขีดสุดของระบอบจักรพรรดิ ตำแหน่งจักรพรรดิที่มีจึงเป็นเสมือนสิ่งที่ช่วยค้ำจุนเพื่อรอเวลาในการล่มสลายลง
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิผู้ครอบครองทุกสิ่ง แต่ในความเป็นจริงปูยีกลับมีชีวิตที่โดดเดี่ยวยิ่งเสียนี่กระไร อำนาจจักรพรรดิที่มีสามารถใช้ได้เพียงแค่ในบ้านหลังใหญ่ที่เรียกว่าพระราชวังต้องห้ามเท่านั้น ในขณะที่อาณาเขตนอกรั้ววังนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างกับคนละโลกกันเลยทีเดียว
สูงสุดคืนสู่สามัญ
จักรพรรดิน้อยปูยีที่เพิ่งครองราชย์ได้ไม่นานมีอันต้องลงจากบัลลังก์เมื่อราชสำนักชิงพ่ายแพ้ให้กองกำลังปฏิวัติจนพระองค์ถูกบังคับให้สละบัลลังก์ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1912 แต่ยังได้รับอนุญาตให้อยู่ในวังต้องห้ามด้านเหนือและพระราชวังฤดูร้อนต่อไปพร้อมกับรับเบี้ยราชวงศ์ปีละ 4 ล้านเหรียญ แต่ต่อมาถูกยกเลิก
ปูยีกลายเป็นจักรพรรดิที่ไร้บัลลังก์อย่างสมบูรณ์แบบแถมยังถูกจำกัดอิสรภาพ แม้จะถูกพากลับมารั้งบัลลังก์อีกครั้งโดยนายพลในราชสำนักชิง แต่มันกลับเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้นเพียง 12 วันเท่านั้น ซ้ำร้ายกองทัพญี่ปุ่นต้องการใช้ปูยีเป็นเครื่องมือในการขยายอำนาจจึงสนับสนุนให้ขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้งแบบมัดมือชกด้วยตำแหน่งจักรพรรดิผู้ทรยศ
เมื่อสิ้นอำนาจของกองทัพญี่ปุ่น ปูยีกลายสภาพจากจักรพรรดิหุ่นเชิดมาเป็นนักโทษกบฏพร้อมกับถูกจำคุกนาน 9 เดือน แม้จะได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกแล้ว แต่ปูยียังถูกบังคับให้ประกาศตัวเป็นคอมมิวนิสต์พร้อมกับมอบหมายหน้าที่การเป็นคนสวนให้ก่อนที่จะจากไปเยี่ยงสามัญชนในวันที่ 17 ตุลาคม 1967 รวมอายุ 61 ปี