ภาพ: China Plus |
วิถีชีวิตส่วนใหญ่ของชาวโหมวซัวยังคงอยู่กับการเกษตรและปศุสัตว์ซึ่งส่วนมากจะเน้นแค่การพออยู่พอกินสำหรับความต้องการในชีวิตประจำวัน เนื้อสัตว์ที่เป็นอาหารสำคัญจะถูกถนอมด้วยการหมักเกลือหรือรมควันซึ่งเนื้อที่ผ่านการถนอมอาหารของชาวโหมวซัวมีชื่อเสียงอย่างมากโดยสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 10 ปี ส่วนกิจกรรมที่จะขาดเสียมิได้ของชาวโหมวซัวคือการร้องและเต้นเพื่อแสดงความรัก
ผู้หญิงชาวโหมวซัวจะมีสถานะทางสังคมสูงกว่าผู้ชายจนเรียกได้ว่าผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะในด้านการปกครอง การเป็นผู้นำครอบครัว การสืบทอดมรดกหรือแม้แต่การเลือกคู่แต่งงาน โดยผู้หญิงที่มีอาวุโสที่สุดจะเป็นหัวหน้าครอบครัว สิทธิ์ในการรับช่วงต่อมรดกจะตกอยู่กับฝ่ายหญิง (ลูกสาว) ในกรณีที่ในครอบครัวไม่มีลูกสาวอาจจะรับเด็กผู้หญิงมาเลี้ยงเป็นลูกเพื่อให้สืบทอดมรดกต่อไป
เมื่อเด็กผู้หญิงชาวโหมวซัวโตพอในระดับหนึ่งพวกเธอจะเริ่มเรียนรู้งานซึ่งเป็นสิ่งที่เธอต้องใช้ไปตลอดชีวิตทั้งการทำงานและการบริหารจัดการเรื่องในครอบครัว ส่วนหน้าที่ของผู้ชายคือการดูแลตัวเองเพื่อรอให้ถึงวันแต่งงาน โดยอาจจะต้องช่วยเหลือครอบครัวในการดูแลลูกๆของพี่สาวน้องสาวรวมทั้งงานด้านปศุสัตว์
เด็กผู้หญิงที่อายุถึง 15 ปี และเด็กผู้ชายที่อายุถึง 17 ปี จะได้รับอนุญาตให้มีความรักได้โดยความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงของเผ่าโหมวซัวจะไม่มีการผูกมัดใดๆ
ในพิธีแต่งงานเมื่อทั้งสองฝ่ายได้คู่ที่ถูกใจฝ่ายชายจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิงในตอนกลางคืน พอถึงรุ่งเช้าต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปและเมื่อประเพณีการแต่งงานวนมาถึงอีกครั้งก็สามารถเลือกคนอื่นเป็นคู่ได้อย่างอิสระ ถึงอย่างนั้นชาวโหมวซัวก็มีความเชื่อในเรื่องรักแท้และพรหมลิขิตจึงมักจะเลือกคนเดิมแบบผัวเดียวเมียเดียว แต่มีผู้หญิงบางคนที่เปลี่ยนคู่ชายอยู่เรื่อยๆ (ประมาณว่ายิ่งสวยยิ่งมีผู้ชายเยอะ)
ในกรณีที่มีความสัมพันธ์กันแล้วให้กำเนิดทายาทขึ้นมา ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายที่ได้รับสิทธิ์ในการเป็นแม่ ฝ่ายชายไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆในตัวทายาท แต่หากต้องการมีส่วนร่วมเลี้ยงดูสามารถทำได้โดยการนำของขวัญไปมอบให้ครอบครัวของฝ่ายหญิงและแวะไปเยี่ยมเยียนได้หากครอบครัวฝ่ายหญิงอนุญาต
เรื่องราวความลึกลับของชาวเผ่าโหมวซัวยังมีอีกมากมายที่น่าค้นหา นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางไปชมความงดงามของทะเลสาบหลูกูจึงไม่พลาดที่จะไปสัมผัสวัฒนธรรมของชาวโหมวซัวและชาวโหมวซัวเองก็พร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยือนด้วยการนำเสนอวัฒนธรรมของเผ่าได้อย่างน่าประทับใจ