ภาพ: หมี่เยี่ย จอมนางเหนือมังกร |
หมี่ปาจื่อเกิดเมื่อ 338 ปีก่อนคริสตศักราช มีศักดิ์เป็นเทียดของฉินซีฮ่องเต้ พระนางเป็นราชวงศ์แคว้นฉู่ที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปแคว้นฉินเพื่อเป็นสนมพระเจ้าฉินฮุ่ยเหวิน (King Huiwen of Qin) จนกระทั่งให้กำเนิดโอรสซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นพระเจ้าฉินเจาเซียง (King Zhaoxiang of Qin)
หมี่ปาจื่อมีชีวิตวัยเยาว์ที่ยากลำบากแม้ว่าจะมีสายเลือดราชวงศ์ แต่นั่นกลับกลายเป็นบททดสอบที่ช่วยลับคมเขี้ยวให้พระนางกลายเป็นคนเหนือคน การจากบ้านเกิดเมืองนอนไปยังดินแดนที่ห่างไกลแถมต้องรับมือสนมนางในที่หวังแก่งแย่งชิงดีในวังหลังจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินจะรับมือ นางสยบอริแล้วก้าวสู่จุดสูงสุดที่สตรีในยุคนั้นสามารถขึ้นไปได้
ในช่วงที่พระเจ้าฉินเจาเซียงขึ้นครองราชย์นั้นยังทรงพระเยาว์นัก เซวียนไท่โฮ่วจึงทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทน ว่ากันว่านางใช้เล่ห์เหลี่ยมและเสน่ห์ดึงดูดทางเพศทำให้ผู้คนคล้อยตาม นางลอบมีความสัมพันธ์กับเจ้าแคว้นอี้ฉวีจนมีโอรสสองพระองค์ แต่ภายหลังพระนางวางแผนลวงเจ้าแคว้นอี้ฉวีมาสังหารแล้วยกกองทัพฉินเข้ายึดดินแดนอี้ฉวี เมื่อไม่มีอี้ฉวีคอยสร้างความกังวลใจการขยายดินแดนทางตะวันออกจึงประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
นับตั้งแต่ 307 ปีก่อนคริสตศักราช พระนางเซวียนไท่โฮ่วครองอำนาจความยิ่งใหญ่พร้อมกับสร้างความมั่นคงและคุณประโยชน์ให้แคว้นฉินอย่างเหนือคณานับ แต่อำนาจของพระนางก็สิ้นสุดลงหลังจากถูกโค่นล้มโดยกลุ่มอำนาจเก่าราว 270 ปีก่อนคริสตศักราช ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์เมื่อ 265 ปีก่อนคริสตศักราช รวมอายุ 73 ปี
พระนางเซวียนไท่โฮ่วเป็นสตรีจีนคนแรกในประวัติศาสตร์จีนที่ดำรงตำแหน่ง ‘หวังไท่โฮ่ว’ (ฮองไทเฮา) ตลอดเวลาหลายสิบปีที่บริหารราชการแผ่นดินสะท้อนให้เห็นว่าพระนางเป็นนักการเมืองที่เก่งกาจ โดยเฉพาะการวางรากฐานในการรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่นซึ่งประสบความสำเร็จในสมัยฉินซีฮ่องเต้
หลักฐานทางประวัติศาสตร์บ่งชี้ถึงความยิ่งใหญ่ของแคว้นฉิน หนึ่งในนั้นคือ ‘กองทัพทหารดินเผา’ แห่งเมืองซีอานที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายว่าเป็นผลงานของจักรพรรดิฉินซี แต่นักประวัติศาสตร์เริ่มมีความเห็นต่างไปจากเดิมว่าผู้ให้กำเนิดสุสานเลื่องชื่อแห่งนี้อาจจะเป็นเซวียนไทเฮาโดยอ้างอิงจากปัจจัยหลายๆด้าน เช่น มวยผลและการแต่งกายซึ่งมีเอกลักษณ์ของชาวแคว้นฉู่