ภาพ: นางพญาจอมราชันย์ |
รัชศกซุ่นจื้อที่ 10 ต่งเอ้อในวัย 15 ปี เข้ารับการคัดเลือกสาวงามสู่วังหลวง ปีถัดมานางแต่งงานเป็นชายาอ๋องเซียงชิง (น้องชายต่างมารดาของซุ่นจื้อ) ตามบันทึกของหมอสอนศาสนาชาวเยอรมันกล่าวว่าซุ่นจื้อออกอาการหลงใหลต่งเอ้อผู้เป็นน้องสะใภ้มาก เหตุนี้อ๋องเซียงชิงจึงตำหนิชายารักทำให้ซุ่นจื้อโกรธมากและลงโทษจนอ๋องเซียงชิงตรอมใจตาย
ภายหลังน้องชายเสียชีวิตซุ่นจื้อจึงรับน้องสะใภ้มาเป็นผู้หญิงของตนเอง แต่งตั้งให้ต่งเอ้อเป็นสนม เจ้าจอมและกุ้ยเฟย แม้ไม่ใช่ฮองเฮาแต่พระนางได้รับเกียรติเทียบเท่าฮองเฮา ต่งเอ้อเฟยกับซุ่นจื้อรักและผูกพันกันมากจนแยกจากกันไม่ออก พระนางมักจะจัดเตรียมของว่างมาถวายหลังเลิกประชุมและอยู่เป็นเพื่อนซุ่นจื้อตลอดการตรวจหนังสือทูลเกล้า ทั้งยังคอยเตือนสติให้ปกครองด้วยการเอาชนะใจคน ทำให้ต่งเอ้อเฟยกลายเป็นสตรีนางเดียวที่ครอบครองหัวใจของซุ่นจื้อ
ในปี 1657 ต่งเอ้อเฟยให้กำเนิดโอรส ซุ่นจื้อจึงคิดจะแต่งตั้งเป็นรัชทายาททำให้ฮองเฮาเสี้ยวจวง (มารดาซุ่นจื้อ) ไม่พอพระทัย ฮองเฮาเสี้ยวจวงวางแผนให้ต่งเอ้อเฟยมาปรนนิบัติทั้งๆที่เพิ่งคลอด ต่งเอ้อเฟยจึงต้องแบกร่างกายที่อ่อนแอไปปรนนิบัติตามรับสั่ง ระหว่างนั้นโอรสที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานเสียชีวิต ต่งเอ้อเฟยตรอมใจจนล้มป่วย แต่ไม่ว่าจะรักษาอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น สุดท้ายจึงลาโลกไปเมื่อวันที่ 23 กันยายน 1660 ณ ตำหนักเฉิงเฉียนในพระราชวังต้องห้าม
ต่งเอ้อเฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาหลังจากเสียชีวิตไป 2 วัน พิธีศพของพระนางถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เทียบชั้นมารดาแผ่นดิน ซุ่นจื้อพระราชนิพนธ์เรื่องราวของพระนางเอาไว้และกลายเป็นหนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ แต่การจากไปของนางผู้เป็นยอดดวงใจทำให้ซุ่นจื้อได้รับความบอบช้ำทางใจอย่างแสนสาหัสจนถึงขั้นปลงผมเตรียมออกบวช ทว่าพระนางเสี้ยวจวงขวางเอาไว้ ซุ่นจื้อจึงให้ขันทีคนสนิทออกบวชแทน
แม้จะครองคู่กันได้ไม่นาน แต่หลังจากจักรพรรดิซุ่นจื้อสวรรคตในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1661 ร่างของพระองค์ถูกนำมาฝังเอาไว้ข้างๆหลุมศพของต่งเอ๋อเฟยในสุสานหลวงตะวันออกแห่งราชวงศ์ชิงเพื่อให้ดวงวิญญาณของทั้งสองได้อยู่เคียงข้างกันตลอดไป...