ภาพ: The Red Sleeve |
เมื่อราชินีจองซอง (มเหสีองค์แรก) สิ้นพระชนม์ พระเจ้ายองโจปรารถนาแต่งตั้งสนมนางหนึ่งขึ้นเป็นมเหสีแต่ถูกขัดขวางเอาไว้ ขณะที่พระนางชองซุนใช้สติปัญญาตอบปัญหาในพิธีคัดเลือกสนมจนได้รับแต่งตั้งเป็นมเหสีในปี 1759 ด้วยช่วงวัยที่ต่างกันถึง 51 ปี
พระเจ้ายองโจสวรรคตลงโดยไม่มีทายาทที่เกิดกับพระนางชองซุน รัชทายาทอีซานจึงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจองโจ เกิดการแย่งชิงอำนาจโดยพระนางชองซุนเป็นผู้นำในการพยายามยึดอำนาจแต่ถูกฝ่ายพระเจ้าจองโจปราบปรามลงและต้องรับโทษกักบริเวณอยู่ในตำหนักเล็กๆ
ภายหลังพระเจ้าจองโจสวรรคต (บ้างว่าเกิดจากฝีมือของพระนางชองซุน) องค์ชายอีกงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซุนโจด้วยวัยเพียง 10 พรรษา พระนางชองซุนซึ่งมีฐานะอาวุโสที่สุดของราชวงศ์จึงกลับมามีอำนาจอีกครั้งด้วยการรับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ
ทว่าภายใต้การบริหารของพระนางกลับเต็มไปด้วยเผด็จการ กวาดล้างกลุ่มขุนนางที่พระเจ้าจองโจก่อตั้ง ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกถูกกวาดล้างตัดรากถอนโคน เกิดการทุจริตขึ้นทั่วทุกหัวระแหง แม้พระเจ้าซุนโจจะพยายามปฏิรูปแต่ไม่เป็นผล
สังคมโชซอนเข้าสู่ยุคเสื่อม กระทั่งพระนางชองซุนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1805 ณ พระราชวังชางด๊อก ร่างของพระนางถูกฝังร่วมกับพระเจ้ายองโจและพระนางจองซองในสุสานหลวงวอนนึง เมืองคูริ จังหวัดคยองกี