ภาพ: Founding Emperor of Ming Dynasty |
หม่าชิวเซียงไม่ได้มีรูปโฉมสะสวยหรือกิริยางดงามตามแบบฉบับสตรีที่ได้รับการประคบประหงมอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไร้การศึกษา ตลอดเวลานางต้องเผชิญความเหนื่อยยากจนร่างกายมีความแข็งแกร่งบึกบึน จิตใจกว้างขวางเพราะเข้าใจหัวอกคนกำลังลำบาก ครั้นได้พบ "กัวจื่อซิง" ขุนศึกที่กำลังตั้งตัวเป็นใหญ่ บิดาของนางเกิดล้มป่วยจึงตัดสินใจยกนางให้เป็นลูกบุญธรรมของกัวจื่อซิง
การปรากฏตัวของจูหยวนจางทำให้กัวจื่อซิงมองเห็นแววความยิ่งใหญ่จึงยกหม่าชิวเซียงให้เป็นภรรยา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้หวานชื่นโรแมนติกแต่กลับเต็มไปด้วยความช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เมื่อจูหยวนจางนำกองกำลังออกรบอยู่แนวหน้า หม่าชิงเซียงก็จะคอยดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่แนวหลังและเตรียมพร้อมเสมอหากต้องหยิบจับอาวุธเพื่อช่วยเหลือสามีทำศึก
จูหยวนจางสร้างผลงานโดดเด่นจนบุตรชายแท้ๆของกัวจื่อซิงริษยา วางแผนใส่ร้ายจนจูหยวนจางถูกกักบริเวณไม่ให้อาหารตกถึงท้อง หม่าชิงเซียงจึงแอบนำขนมผิงอุ่นๆซุกเอาไว้ในอกเพื่อให้สามีกิน ทว่าครั้งหนึ่งขณะนำขนมผิงไปให้สามี หม่าชิวเซียงบังเอิญเจอกัวจื่อซิงและสนทนากันพักใหญ่ นางต้องอดทนรับไอความร้อนจากขนมผิงอยู่นานจนทำให้มีแผลเป็นที่หน้าอกนับแต่นั้นมา
ภายหลังจูหยวนจางสถาปนาราชวงศ์หมิง หม่าชิวเซียงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีหม่า (หม่าฮองเฮา) พระนางคอยช่วยเหลือในฐานะที่ปรึกษา ตรัสให้จูหยวนจางส่งเสริมคนดีมีความสามารถรับใช้แผ่นดินโดยไม่ใส่ใจชาติตระกูล บัดนี้แม้พระนางจะมีอำนาจยิ่งใหญ่แต่ยังคงใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย ไม่นิยมความหรูหราฟุ่มเฟือย
พระนางหม่าถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสตรีจีนในยุคนั้น กระทั่งในปี 1382 พระนางล้มป่วยหนักและสวรรคตด้วยพระชนมายุ 50 พรรษา พระศพถูกฝังอยู่ที่สุสานหมิงเซี่ยวหลิงในเมืองนานจิง โดยตลอดรัชกาลที่เหลือจักรพรรดิหงอู่ไม่แต่งตั้งใครขึ้นเป็นฮองเฮาแทนที่พระนางเลย...