ในช่วงปลายยุคราชวงศ์ฉินได้ก่อเกิดกลุ่มต่อต้านอำนาจรัฐขึ้นมากมาย แต่ที่ถือได้ว่ามีศักยภาพเพียงพอที่จะต้านทานทัพฉินได้นั้นมีเพียง 2 กลุ่มคือทัพของหลิวปังและเซี่ยงอวี่ แม้จะมีจำนวนทหารน้อยกว่าหลายเท่าแต่ใครจะนึกเลยว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ได้ขึ้นครองอำนาจในเวลาต่อมาจะเป็นฝ่ายหลิวปัง


จางเหลียง (Zhang Liang)
ภาพ: ฌ้อปาอ๋อง ศึกแผ่นดินไม่สิ้นแค้น

การขึ้นครองอำนาจของหลิวปังพร้อมกับสถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นปกครองแผ่นดินได้นั้นส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับกุนซือสมองเพชรนาม "จางเหลียง" (Zhang Liang) หรือ "เตียวเหลียง" บุรุษผู้คอยให้คำปรึกษาและวางแผนรบจนทัพที่มีกำลังด้อยกว่าสามารถโค่นกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ลงได้สำเร็จ

เดิมทีจางเหลียงมีชื่อว่า "จางจื่อฝาง" เขาเกิดในตระกูลเจ้าขุนมูลนายอันมั่งคั่ง เมื่ออาณาจักรหานอันเป็นบ้านเกิดพ่ายแพ้แก่ทัพฉินและถูกปกครองอย่างกดขี่ข่มเหงทำให้เขาเกลียดชังราชวงศ์ฉินยิ่งนักถึงกับวางแผนลอบสังหารฉินซีฮ่องเต้ แต่ด้วยสติปัญญาที่ยังไม่เข้าขั้นทำให้แผนการลอบสังหารล้มเหลว จื่อฝางต้องลี้ภัยไปยังเซี่ยเผยพร้อมกับเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่าจางเหลียงนับจากนั้นมา

ในขณะหลบลี้หนีภัยจางเหลียงได้พบกับผู้เฒ่าบนสะพานแห่งหนึ่ง ผู้เฒ่าโยนรองเท้าลงจากสะพานแล้วบอกให้จางเหลียงลงไปเก็บมาให้ แม้จะยังงุนงงและโกรธแต่จางเหลียงก็ลงไปเก็บแต่โดยดี เมื่อเก็บรองเท้าขึ้นมาได้ผู้เฒ่าก็ยื่นเท้าไปให้แล้วบอกว่าช่วยใส่ให้หน่อยซึ่งจางเหลียงก็ยังคงปฏิบัติตาม ผู้เฒ่าหัวเราะด้วยความพอใจแล้วบอกจางเหลียงว่าในอีก 5 วันให้เขากลับมาที่นี่อีกครั้ง


จางเหลียงพบผู้เฒ่าหินสีเหลือง

รุ่งเช้าในอีก 5 วันต่อมา จางเหลียงเดินทางมาที่สะพานแห่งเดิมแต่กลับพบว่าท่านผู้เฒ่าได้มาถึงก่อนแล้ว ผู้เฒ่ามองจางเหลียงที่เพิ่งเดินทางมาถึงด้วยความไม่พอใจถึงการที่ทำให้ผู้อาวุโสต้องมารอ ท่านผู้เฒ่าจึงบอกว่าให้จางเหลียงมาพบเขาในอีก 5 วันข้างหน้า

5 วันต่อมาจางเหลียงรีบไปที่สะพานตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางทว่าท่านผู้เฒ่าก็ได้มารออยู่ก่อนอีกแล้ว ท่านผู้เฒ่ามีทีท่าไม่พอใจแล้วบอกให้จางเหลียงมาหาในอีก 5 วันข้างหน้า จางเหลียงรู้สึกไม่ดีนักเมื่อถึงวันนัดหมายคราวนี้เขาจึงรีบไปที่สะพานตั้งแต่เที่ยงคืนซึ่งท่านผู้เฒ่ายังไม่เดินทางมา

จางเหลียงมารอที่สะพานได้สักพักก็เห็นท่านผู้เฒ่าเดินมาอย่างสบายอารมณ์ เมื่อท่านผู้เฒ่าเห็นจางเหลียงมารออยู่ก่อนก็รู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก ท่านผู้เฒ่ามอบตำราพิชัยสงครามไท่กงที่เก็บไว้อย่างดีแก่จางเหลียงพร้อมกับบอกว่าหากจางเหลียงศึกษาตำรานี้อย่างถ่องแท้เมื่อไรเขาก็จะได้เป็นที่ปรึกษาฮ่องเต้ ก่อนจากไปผู้เฒ่าบอกว่าอีก 13 ปีข้างหน้าให้จางเหลียงเดินทางไปที่เชิงเขาเมืองกู่และเมื่อพบก้อนหินสีเหลืองก็จงรู้ไว้ว่านั่นคือตัวท่านผู้เฒ่าเอง

จางเหลียงศึกษาตำราพิชัยสงครามไท่กงจนกระจ่างทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นผู้มีปัญญาซึ่งต้องเรียกว่าเป็นยอดคน เขาใช้ความรู้ความสามารถที่มีทำให้หลิวปังชื่นชมและไว้เนื้อเชื่อใจจนยกให้เป็นที่ปรึกษาคนสนิท แม้หลิวปังจะเป็นเพียงสามัญชนที่ยังคงลุ่มหลงในสมบัติและสตรีแต่เมื่อได้ฟังคำเตือนของจางเหลียงก็ทำให้เขาตาสว่างขึ้นมา สุดท้ายด้วยมันสมองของจางเหลียงจึงทำให้กองทัพของหลิวปังสามารถโค่นราชวงศ์ฉินสำเร็จ

หลิวปังนำทัพเข้ายึดเมืองเสียนหยางได้แต่เหมือนเป็นการตัดหน้าพันธมิตรอย่างเซี่ยงอวี่ที่นำกำลังไปปะทะกับทัพหลักของฉิน เมื่อเซี่ยงอวี่รู้ว่าหลิวปังนำกองทัพเข้าเมืองเสียนหยางได้ก็รู้สึกโกรธแค้นและคิดจะยกทัพมาโจมตี จางเหลียงที่ตระหนักเรื่องนี้ดีจึงเสนอให้หลิวปังยกเมืองให้เซี่ยงอวี่จนกลายมาเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์จีนที่รู้จักกันในชื่องานเลี้ยงที่หงเหมิน

แม้จะเอาตัวรอดจากงานเลี้ยงมาได้แต่หลังจากนั้นทัพหลิวปังต้องเผชิญกับการรุกคืบอย่างหนักจนต้องพ่ายแพ้อยู่หลายครั้งหลายคราว แต่การที่มีจางเหลียงอยู่ก็ทำให้หลิวปังสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้และรอคอยโอกาสโต้กลับ เมื่อถึงคราวที่เซี่ยงอวี่เพรี่ยงพล้ำจางเหลียงจึงให้หลิวปังรุกคืบอย่างหนักจนไม่ให้เซี่ยงอวี่ได้ตั้งตัวทัน สุดท้ายเซี่ยงอวี่ที่พ่ายแพ้จึงตัดสินใจปลิดชีวิตตนเอง ส่วนหลิวปังก็สถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นปกครองแผ่นดิน

หลิวปังสถาปนาราชวงศ์สำเร็จซึ่งในตอนนี้ต้องเรียกเขาว่า "จักรพรรดิฮั่นเกาจู่" แต่ต้องเผชิญปัญหาเมื่อเหล่าขุนนางต่างซุบซิบกันในเรื่องความดีความชอบ จางเหลียงแนะนำไปว่าให้ฮั่นเกาจู่แต่งตั้งขุนนางที่พระองค์เกลียดที่สุดเป็นเจ้าเมืองเสีย เมื่อฮั่นเกาจู่ทำตามนั้นเสียงซุบซิบก็หายไปเพราะคิดว่า "ขนาดคนที่พระองค์เกลียดที่สุดยังได้รับบำเหน็จรางวัล แล้วพวกเราที่ติดตามพระองค์มาหลายปีจะไม่ได้รับรางวัลหรือ" เมื่อช่วยแก้ปัญหาในราชสำนักเรียบร้อยแล้วจางเหลียงก็ได้ถอนตัวออกมาโดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งในบ้านเมืองและถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ 189 ปีก่อน ค.ศ.